แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และที่แก้ไข (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และ(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2546

1. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล ฉบับที่ 3  คือปีพ.ศ.ใด

• พ.ศ.2547ค. พ.ศ.2548
• พ.ศ.2535 ง. พ.ศ.2546

ตอบ   ง. พ.ศ.2546

2. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 3)  พ.ศ.2546  มีกี่มาตรา

• 15 มาตรา                                                             ค. 10  มาตรา
• 12 มาตรา                                                             ง. 7  มาตรา

ตอบ  ค. 10  มาตรา

3. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 3)  พ.ศ.2546  ให้ไว้ ณ วันใด

• 5 มิถุนายน พ.ศ. 2546ค. 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2546
• 6 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ง. 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2546

ตอบ   ข. 6 มิถุนายน พ.ศ. 2546              

4. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ 3)  พ.ศ.2546

• ปัจจุบันในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาล ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทรุดตัวของแผ่นดิน การแพร่กระจายของน้ำเค็มเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล ตลอดจนทำให้ระดับน้ำในชั้นน้ำบาดาลลดลง
• ปัจจุบันมีการเจาะน้ำบาดาลและการใช้น้ำบาดาลกันอย่างกว้างขวาง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกใน อนาคต แต่ยังไม่มีการควบคุมให้เป็นไปโดยถูกต้องตามหลักวิชาการ
• ปรับปรุงบทกำหนดโทษและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมตลอดทั้งเพิ่มอำนาจให้พนักงาน เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
• เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ช่างเจาะน้ำบาดาลมีความรู้ ความสามารถในการเจาะน้ำบาดาล

ตอบ  ก. ปัจจุบันในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาล ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทรุดตัวของแผ่นดิน การแพร่กระจายของน้ำเค็มเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล ตลอดจนทำให้ระดับน้ำในชั้นน้ำบาดาลลดลง

5. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด

• 15 เมษายน 2535                 ค. 10 เมษายน 2535
• 9 เมษายน 2535                 ง.  14 เมษายน 2535

ตอบ   ข. 9 เมษายน 2535

6. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535มีกี่มาตรา

• 10 มาตรา                                                             ค. 15  มาตรา
• 20 มาตรา                                                             ง. 18  มาตรา

ตอบ  ค. 15  มาตรา

7. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535ให้ไว้ ณ วันใด

• 2 เมษายน พ.ศ. 2535                                       ค. 4 เมษายน พ.ศ. 2535
• 3 เมษายน พ.ศ. 2535                                       ง. 5 เมษายน พ.ศ. 2535

ตอบ    ก. 2 เมษายน พ.ศ. 2535 

8. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535ให้ยกเลิกความในมาตราใดแห่งพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520

• มาตรา 5, 7 , 9                                                    ค. ความในวรรคหนึ่งของ มาตรา 20
• มาตรา 38                                                             ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ได้ยกเลิกความในมาตราใดแห่งพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520   ดังนี้  ยกเลิกความใน มาตรา 5   มาตรา 7  มาตรา 9  ความในวรรคหนึ่งของ มาตรา 20  ความใน มาตรา 21  ความใน มาตรา 33  มาตรา 38  และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้าย พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520

9. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535

• มีการเจาะและใช้ น้ำดาลมากขึ้นเป็นเหตุให้เกิดปัญหาวิกฤตการณ์น้ำบาดาลและปัญหาแผ่นดินทรุด
• กำหนดให้ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐที่มีการเจาะน้ำบาดาลและใช้น้ำบาดาลต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล
• ปัจจุบันในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาล ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทรุดตัวของแผ่นดิน การแพร่กระจายของน้ำเค็มเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล ตลอดจนทำให้ระดับน้ำในชั้นน้ำบาดาลลดลง
• พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่

ตอบ   ก. มีการเจาะและใช้ น้ำดาลมากขึ้นเป็นเหตุให้เกิดปัญหาวิกฤตการณ์น้ำบาดาลและปัญหาแผ่นดินทรุด

10. อัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520  ถูกแก้ไขโดยพระราชบัญญัติ น้ำบาดาลฉบับที่เท่าใด

• ฉบับที่ 2                                                               ค. ฉบับที่  4
• ฉบับที่ 3                                                               ง. ไม่มีการแก้ไข

ตอบ   ก. ฉบับที่  2

11. พระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 มีกี่หมวดกี่มาตรา

• 7 หมวด  60  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล        ค. 6  หมวด  50  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล
• 7 หมวด  46  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล        ง. 6  หมวด  46  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล

ตอบ  ง. 6  หมวด  46  มาตรา  1  บทเฉพาะกาล

12. “น้ำบาดาล” หมายความว่าอย่างไร

• น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 3  เมตร
• น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 5 เมตร
• น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 8 เมตร
• น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 10 เมตร

ตอบ  ง. น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินมากกว่า 10  เมตร

“น้ำบาดาล” หมายความว่า น้ำใต้ดินที่เกิดอยู่ในชั้นดิน กรวด ทรายหรือหิน ซึ่งอยู่ลึกจากผิวดินเกินความลึกที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่จะกำหนดความลึกน้อยกว่าสิบเมตรมิได้

13. “กิจการน้ำบาดาล” หมายความว่า

• การเจาะน้ำบาดาล ค. การระบายน้ำลงบ่อน้ำบาดาล
• การใช้น้ำบาดาล ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

“กิจการน้ำบาดาล” หมายความว่า การเจาะน้ำบาดาล การใช้น้ำบาดาลหรือ การระบายน้ำลงบ่อน้ำบาดาล

14. ข้อใดเป็นเขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาล

• เขตท้องที่ที่มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณเท่ากันกับปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาล
• เขตท้องที่ที่มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาลจนอาจทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดิน
• เขตท้องที่ที่มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาลจนทำให้เกิดการแพร่กระจายของน้ำเค็มเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล
• ถูกทั้ง ก  และ  ค

ตอบ   ง. ถูกทั้ง  ก  และ  ค

เขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาล ต้องเป็นเขตท้องที่ที่มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นน้ำบาดาล จนอาจทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดิน หรือการแพร่กระจายของน้ำเค็มเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล หรือการลดตัวลงของระดับน้ำในชั้นน้ำบาดาล หรือผลกระทบสำคัญอื่นต่อสิ่งแวดล้อม

15. ใครมีอำนาจกำหนดเขตท้องที่ใดให้เป็นเขตน้ำบาดาลโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

• คณะกรรมการน้ำบาดาล
• อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
• รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ

ตอบ   ง. รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ

มาตรา ๕ การกำหนดเขตท้องที่ใดให้เป็นเขตน้ำบาดาลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ในกรณีที่การสูบน้ำบาดาลในเขตท้องที่ใดจะทำให้ชั้นน้ำบาดาลเสียหายหรือเสื่อมสภาพ หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรของชาติ หรือทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ หรือเป็นอันตรายแก่ทรัพย์สินหรือสุขภาพของประชาชน หรือทำให้แผ่นดินทรุด ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดเขตท้องที่นั้นให้เป็นเขตห้ามสูบน้ำบาดาลโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

การเปลี่ยนแปลงเขตน้ำบาดาลหรือเขตห้ามสูบน้ำบาดาลหรือการยกเลิกเขตน้ำบาดาลหรือเขตห้ามสูบน้ำบาดาลที่ได้ประกาศกำหนดไว้ ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

16. รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดสิ่งใด

• อัตราค่าใช้น้ำบาดาลในแต่ละท้องที่ที่มีน้ำประปาใช้
• ประเภทการใช้น้ำบาดาล หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าใช้น้ำบาดาล
• อัตราค่าวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำหรือของเหลว ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร ค่ารับรองสำเนา และค่าตรวจสอบเอกสารหลักฐาน
• ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนด

• อัตราค่าใช้น้ำบาดาลในแต่ละท้องที่ที่มีน้ำประปาใช้ ไม่เกินอัตราสูงสุดของค่าน้ำประปาในท้องที่นั้น

ในกรณีที่ท้องที่ใดไม่มีน้ำประปาใช้ อัตราค่าใช้น้ำบาดาลในท้องที่นั้นต้องไม่เกินอัตราสูงสุดของค่าน้ำประปาในจังหวัดที่ท้องที่นั้นตั้งอยู่ และให้ยกเว้นค่าใช้น้ำบาดาลแก่ผู้รับใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล ซึ่งใช้น้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคหรือบริโภค ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการใช้น้ำบาดาลของโรงงานอุตสาหกรรม

• ประเภทการใช้น้ำบาดาล หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าใช้น้ำบาดาล

(๒/๑) อัตราค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลที่เรียกเก็บเพิ่มจากผู้รับใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลในเขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาล

(๒/๒) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลที่เรียกเก็บในเขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาล

(๓) อัตราค่าวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำหรือของเหลว ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร ค่ารับรองสำเนา และค่าตรวจสอบเอกสารหลักฐาน

(๔) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้เอกชนจัดเก็บค่าใช้น้ำบาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล

17. หน่วยงานใดทำหน้าที่จัดให้มีบริการฝึกอบรมและสัมมนาวิชาการเจาะน้ำบาดาลแก่ช่างเจาะน้ำบาดาลทั้งของรัฐและเอกชน

• กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ค. กรมทรัพยากรน้ำ
• กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ง. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

ตอบ   ข. กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

มาตรา ๗ ทวิ เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้ความสามารถของช่างเจาะน้ำบาดาล ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล*จัดให้มีบริการฝึกอบรมและสัมมนาวิชาการเจาะน้ำบาดาลแก่ช่างเจาะน้ำบาดาลทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนให้บริการปรึกษาและแนะนำทางวิชาการแก่ช่างเจาะน้ำบาดาลดังกล่าว

18. “กพน.”ย่อมาจากอะไร

• กองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
• กองทุนส่งเสริมและพัฒนาน้ำบาดาล
• กองทุนเพื่อการพัฒนาน้ำบาดาล
• กองทุนเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาน้ำบาดาลอย่างยั่งยืน

ตอบ  ก. กองทุนพัฒนาน้ำบาดาล

มาตรา ๗ จัตวา ให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นในกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เรียกโดยย่อว่า “กพน.” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการศึกษา วิจัย พัฒนา และอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาลและสิ่งแวดล้อม

19. เงิน กพน. ให้ใช้จ่ายเพื่อกิจการใด

• การช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการใดๆ ที่เกี่ยวกับการทดแทนและอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาล
• การศึกษา สำรวจ วิจัย และการวางแผนแม่บทเพื่อการพัฒนา และอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาลและสิ่งแวดล้อม
• ค่าใช้จ่ายในการจ้างเอกชนจัดเก็บค่าใช้น้ำบาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล
• ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

มาตรา ๗ เบญจ เงิน กพน. ให้ใช้จ่ายเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้

(๑) การศึกษา สำรวจ วิจัย และการวางแผนแม่บทเพื่อการพัฒนา และอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาลและสิ่งแวดล้อม

(๒) การช่วยเหลือและอุดหนุนกิจการใดๆ ที่เกี่ยวกับการทดแทนและอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาล

(๓) ค่าใช้จ่ายในการบริหาร กพน. ตามที่ตกลงกับกระทรวงการคลัง

(๔) ค่าใช้จ่ายในการจ้างเอกชนจัดเก็บค่าใช้น้ำบาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล

20. ใครเป็นประธานในคณะกรรมการบริหาร กพน.

• อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
• อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ
• อธิบดีกรมชลประทาน
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ตอบ   ก. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล